วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554

ดอกมะลิ

 ดอกมะลิ


มะลิมีลักษณะต้นเป็นไม้พุ่ม ไม้เลื้อย และไม้รอเลื้อย ใบมีทั้งใบเดี่ยวและใบรวม การจัดเรียงตัวของใบมีทั้งแบบใบอยู่ตรงกันข้าม ใบแบบสลับกัน ดอกมีสีขาว กลีบดอกมีชั้นเดียวและหลายชั้น เป็นดอกเดี่ยวและดอกช่อดอกจะออกจากยอดหรือข้างกิ่งส่วนมากมีกลีบเลี้ยง 4-9 กลีบ กลีบดอกมี 4-9 กลีบ โดยปกติดอกจะเริ่มบานในเวลาบ่ายแล้วร่วงในวันรุ่งขึ้น มะลิจะให้ดอกมากในฤดูร้อนและฤดูฝนแล้วจะน้อยที่สุดในฤดูหนาว
    มะลิเป็นไม้ดอกสีขาวที่มีกลิ่นหอม สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น เก็บดอกมาร้อยเป็นพวงมาลัย ทำเป็นดอกไม้แห้ง หรือนำมาสกัดทำน้ำมันหอมระเหย นอกจากการใช้ประโยชน์จากดอกมะลิแล้ว ส่วนต่าง ๆ ของมะลิก็ยังนำมาใช้เป็นพืชสมุนไพรรักษาโรคได้ เช่นดอกสด ดอกแห้ง ใบสด ต้น ราก
ดอกมะลิ มีหลายชนิดหลายพันธุ์ เท่าที่ คุ้นๆ ชื่อกัน ก็มีทั้ง ดอกมะลิซ้อน มะลิลา มะลิวัลย์ ฯลฯ ค่ะ
    มะลิซ้อน มะลิลา เป็นไม้พุ่ม มีสูงประมาณ 1.5 เมตร มีอยู่หลายพันธุ์ด้วยกันบางพันธุ์เป็นไม้รอเลื้อย ใบเป็นแบบใบเดี่ยวออกตรงข้าม สีเขียวอมเหลือง สัณฐานของใบเป็นรูปไข่ปลายใบแหลม ดอกมีทั้งดอกซ้อนและดอกลาออก
เป็นช่อเล็ก ๆ ดอกที่อยู่ตรงกลางจะบานก่อน กลีบดอกจะบานก่อน กลีบดอกสีขาวโคนดอกติดกันเป็นหลอดสีเขียวอมเหลือง มีกลิ่นหอมชื่นใจและค่อนข้างจัด เกสรตัวผู้มี 2 อัน ออกเอกมากในฤดูร้อนและฤดูฝน ขยายพันธุ์ด้วยการปักชำและการตอน

    มะลินอกจากจะเก็บดอกมาร้อยเป็นพวงมาลัย ทำเป็นดอกไม้แห้ง หรือนำมาสกัดทำน้ำมันหอมระเหยแล้ว ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างเช่น


มะลิซ้อน


ดอกสด - ใช้รักษาโรคตาเจ็บ แก้ไข้ตัวร้อน แก้หวัด
ดอกแห้ง - ใช้ปรุงเป็นสารแต่งกลิ่น
ใบสด - นำมาตำให้ละเอียดจะช่วยรักษาแผลพุพองและแผลฝีดาษ
ต้น - ใช้รักษาโรคคุดทะราด ขับเสมหะและโลหิต
ราก นำมาฝนใช้แก้ปวด รักษาโรคร้อนในและอาการเสียดท้อง


มะลิวัลย์


ราก ใช้เป็นยาถอนพิษต่าง ๆ ได้ จากการที่มีการนำมะลิมาใช้ประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน จึงทำให้มะลิเป็นไม้ดอกที่มีความสำคัญทางการค้ามากขึ้น พื้นที่ปลูกที่สำคัญของไทย ได้แก่ จังหวัดนครปฐม นครสวรรค์ พิษณุโลก ลำพูน หนองคาย และสมุทรสาคร การจำหน่ายมะลิจะมีทั้งในและต่างประเทศโดยตลาดต่างประเทศจะมีการส่งออกในรูปของพวงมาลัย ดอกมะลิสดและต้นมะลิ



ประโยชน์

มะลินอกจากจะเก็บดอกมาร้อยเป็นพวงมาลัย ทำเป็นดอกไม้แห้ง หรือนำมาสกัดทำน้ำมันหอมระเหยแล้ว ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง และในดอกมะลิมีส่วนที่เป็นน้ำมันอยู่ 0.2-0.3% ดอกมีรสเผ็ด หวาน ฤทธิ์อุ่น ส่วนรากมีรสขม ฤทธิ์อุ่น มีพิษ
ดอก มีสรรพคุณแก้อาการท้องร่วง ตาแดง
ราก เป็นยาแก้ปวด ทำให้ชา ฟันผุ ฟกช้ำ นอนไม่หลับ


สรรพคุณ

เยื่อตาขาวอักเสบ หรือตาแดง : ดอกมะลิสดล้างให้สะอาด ต้มจนเดือด สักครู่ นำน้ำที่ได้ใช้ล้างตา
ปวดกระดูก ปวดกล้ามเอ็น : รากมะลิสดทุบให้แหลกคั่วกับเหล้าจนร้อน ใช้พอกบริเวณที่ปวด
ปวดฟันผุ : รากมะลิตากแห้งบดเป็นผง ผสมกับไข่แดงที่ต้มสุกแล้วจนได้ยาเหนียวข้น ใส่ในรูฟันผุ
ข้อควรระวังอย่างหนึ่งคือ รากมะลิมีพิษ ไม่ควรใช้รับประทานหรืออาจใช้แต่น้อย เช่น ใช้รากมะลิสดไม่เกิน 1.5 กรัม ฝนกับน้ำใช้ดื่มแก้อาการนอนไม่หลับ
มะลิซ้อน ดอกสด ใช้รักษาโรคตาเจ็บ แก้ไข้ตัวร้อน แก้หวัด
ดอกแห้ง ใช้ปรุงเป็นสารแต่งกลิ่น
ใบสด นำมาตำให้ละเอียดจะช่วยรักษาแผลพุพองและแผลฝีดาษ
ต้น ใช้รักษาโรคคุดทะราด ขับเสมหะและนำมาฝนใช้แก้ปวด รักษาโรคร้อนในและอาการเสียดท้องหิต
ราก นำมาฝนใช้แก้ปวด รักษาโรคร้อนในและอาการเสียดท้อง
มะลิวัลย์ ราก ใช้เป็นยาถอนพิษต่าง ๆ ได้
 นิทานดอกมะลิ

ก่อนอื่นขอเล่าก่อนว่า ดอกมะลิไม่ได้เป็นดอกไม้พื้นเมืองของไทยสันนิษฐานว่าน่าจะนำเข้ามาจากอินเดียตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ( พร้อมกับการเผยแผ่ศาสนาพุทธ ) เพราะถิ่นกำเนิดของดอกมะลิอยู่แถบเทือกเขาหิมาลัย เทือกเขาหิมาลัยนี้บางตำนานก็ว่าเป็นที่ประทับของพระนารายณ์ หนึ่งในสามเทพตรีมูรติตามความเชื่อพราหมณ์-ฮินดู ชาวอินเดียก็เลยถือว่าดอกมะลิเป็นดอกไม้ประจำองค์พระนารายณ์ เวลาทำพิธีบูชาพระนารายณ์ก็จะใช้ดอกมะลิเป็นของถวายหลัก เช่น เมื่อทำพิธีสรงสนานเทวรูปของพระองค์ก็จะนำดอกมะลิลอยในน้ำที่ใช้สรง 
ลูกศรแห่งรักบริสุทธิ์

     นอกจากพระนารายณ์ เทพเจ้าพราหมณ์-ฮินดูอีกองค์ที่มีความเกี่ยวข้องกับดอกมะลิอย่างมากก็คือเทพแห่งความรักหรือ พระกามเทพ หลายคนคงคุ้นเคยกับเทพอิรอสหรือคิวปิด กามเทพตามตำนานกรีก-โรมันที่ใช่ลูกศรยิงใส่คนสองตนให้รักกันใช่ไหมค่ะ กามเทพของพราหมณ์-ฮินดูก็ไม่ต่างกัน คือทำให้คนรักกันด้วยการยิงศรใส่เหมือนกัน   ถึงแม้จะมีศรเหมือนกัน แต่กามเทพของสองตำนานก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว กามเทพคิวปิดนั่นบางครั้งก็ปรากฏกายในรูปเด็กน้อยมีปีก บางครั้งก็เป็นหนุ่มหล่อ ส่วนกามเทพฮินดูนี่อยู่ในร่างของชายหนุ่ม มีนกแก้วเป็นพาหนะ คันศรทำจากต้นอ้อย และที่สำคัญ หัวลูกศรของกามเทพฮินดูไม่ได้เป็นโลหะปลายแหลมแต่เป็นดอกไม้ชนิดหนึ่ง  จะดอกอะไรถ้าไม่ใช่ดอกมะลิ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะคติความเชื่ออินเดียแต่โบราณถือเอาดอกมะลิเป็นตัวแทนความรักที่บริสุทธิ์ รักที่จริงใจศรรักที่พระกามเทพยิงใส่คู่รักก็เป็นการบอกให้คนทั้งคู่รักกันด้วยใจบริสุทธิ์และจริงใจต่อกันนั้นเอง

 
ของขวัญจากพระเจ้า 

     เดินจากอินเดียมาเล็กน้อยมาทางตะวันออกกลาง ก็พบความเชื่อเกี่ยวกับดอกมะลิ คำว่า จัสมิน ( jasmine ) ที่เป็นชื่อภาษาอังกฤษของมะลิ มีที่มาจากคำในภาษาอาหรับว่ายาสมีน ซึ่งมีความหมายว่าของขวัญจากพระเจ้า มีที่มาจากความเชื่อทางศาสนาอิสลามที่ว่า ดอกมะลิเป็นของขวัญที่องค์อัลลอฮ์ พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดของศาสนาอิสลามประทานให้แก่โลก ลักษณะเด่นของดอกมะลิ ทั้งสีขาวบริสุทธิ์ และกลิ่นหอมชื่นใจ ก็ดูจะเป็นตัวแทนของความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่มีต่อมวลมนุษย์ค่ะ







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น